จากคดีที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้อง ขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำสั่งเพิกถอนการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปีของ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย ผู้คัดค้าน อดีตส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมสัมมนาผู้นำชุมชนใน อ.จักราช จ.นครราชสีมา โดยให้นางสายพิรุณ น้อยศิริ เจ้าหน้าที่พัฒนาการ จ.นครราชสีมา นำผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 300 คน เดินทางไปอบรมที่รีสอร์ตสบ๊ายสบาย ในจ.ระยอง เมื่อวันที่ 19-20 พฤศจิกายน 2553 พร้อมแจกสิ่งของที่เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าระหว่างการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 6 จ.นครราชสีมา อันเป็นการกระทำผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 53 (1) (3) และ (4) หรือไม่
คดีดังกล่าว ศาลฎีกาฯ ได้วินิจฉัย โดยมีคำสั่งยกคำร้องของกกต. เพราะตามทางไต่สวนยังไม่ปรากฎหลักฐานถึงอันควรเชื่อได้ว่าผู้คัดค้านมีส่วนสนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจให้นางสายพิรุณ และนายสุเทพ ศิริปรุ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสีสุก กล่าวถ้อยคำหาเสียง อันเป็นการฝ่าฝืนต่อพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว. พ.ศ.2550 มาตรา 53 (1) (3) และ (4) ดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลื้อกตั้งของผู้คัดค้านได้ตามคำร้อง
สำหรับเนื้อหาหลักที่ศาลมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าว เพราะจากการไต่สวน ไม่ปรากฎว่านายบุญจงเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมสัมมนาที่จ.ระยอง หรือมีการกระทำที่เอื้อประโยชน์ต่อโครงการ เนื่องจากเป็นโครงการที่ทางราชการได้จัดให้มีขึ้นแต่เดิมอยู่แล้ว อีกทั้งการเข้าไปติดต่อเช่าที่พักและจัดอบรมก็มิใช่นายบุญจง
ส่วนที่พยานผู้ร้องคือกกต. เบิกความว่า มีการพูดบนเวทีในการจัดสัมมนาดังกล่าวว่า ประกอบไปด้วยอาหารและเครื่องดื่มอย่างดี มีรางวัลแจก เป็นเพราะบารมีของนายบุญจง ในทางไต่สวนไม่ปรากฎว่าเป็นอาหารชั้นดียิ่งกว่าอาหารที่ทางโรงแรมจัดให้ตามปกติ ส่วนการแสดงบนเวทีก็เป็นการที่ผู้เข้าร่วมอบรมแสดงกันเอง ไม่มีวงดนตรี คงมีแต่เสียงที่เป็นคาราโอเกะเท่านั้น ซึ่งแสดงว่าค่าใช้จ่ายไม่มาก ของขวัญที่แจกส่วนมากเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาถูกโดยทางโรงแรมเป็นผู้จัดการ และคิดค่าใช้จ่ายเหมารวมทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องใช้บารมีของนายบุญจง
ฉะนั้น ศาลฎีกาฯ เห็นว่า ยังไม่ปรากฎหลักฐานถึงขนาดอันควรเชื่อได้ว่านายบุญจง มีส่วนสนับสนุนหรือรู้เห็นเป็นใจให้มีการกระทำผิด ดังที่ กกต. กล่าวอ้าง จึงไม่มีเหตุที่จะมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนายบุญจง
นายบุญจง กล่าวภายศาลมีคำสั่งยกคำร้องว่า รู้สึกดีใจที่ศาลพิพากษายกคำร้องและขอบคุณที่ได้ใช้ดุลพินิจตามข้อเท็จจริง ว่าไม่มีส่วนรู้เห็นและทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบราชการ เพราะตัวเองถูกกล่าวหาและไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ในสภาฯ มาหลายเดือนแล้ว เมื่อศาลมีคำสั่งแบบนี้ก็ส่งคำสั่งไปที่สภาฯ และทำหน้าที่ของตนเองต่อไป ได้ทำหน้าที่พิสูจน์ ผมคิดว่ากระบวรการยุติธรรมในบ้านเมืองเรามีอยู่ทุกระบบ เมื่อมีปัญหาและถูกล่าวหาต้องเข้าสู่ระบบ บ้านเมืองถึงจะได้ปรองดอง เมื่อตัดสินออกมาเมื่อผิดก็คือผิด เคารพการตัดสินของศาล ไม่ผิดก็ทำหน้าที่ต่อเท่านั้นเอง
ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ศาลได้วินิจฉัยทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงอย่างละเอียด ข้อกฎหมายที่ศาลไม่เห็นด้วย ท่านก็แสดงชัดว่าไม่เห็นด้วย สิ่งที่สำคัญคือการที่คดี ศาลเปิดโอกาสให้พยานต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ นี่คือนิมิตหมายที่แสดงให้เห็นว่า บ้านเมืองเรามีสถานบันศาลที่พึ่งได้เสมอ ที่พึ่งแหล่งสุดท้ายไม่ว่าใครจะทุกข์ร้อน เราเองก็ร้อน แต่เราได้คลายทุกข์ร้อน คลายความกังวลด้วยบารมีของศาลมีให้ ต้องขอบคุณศาลและสิ่งที่เรามีร่วมกันช่วยกันดูแลสถาบันสุดท้ายซึ่งมีผลกระทบน้อยที่สุดไว้ ซึ่งมีผลต่อพรรคภูมิใจไทย
No comments in this article
There are no comments yet.